“ศิลปะร่วมสมัยจากสองฝั่งลุ่มน้ำลำสะแทด” พรสวรรค์และความพยายามที่รอโอกาสเปล่งประกาย
“บ้านข่อย” โรงเรียนขนาดเล็กในชุมชนเกษตรกรรมของจังหวัดบุรีรัมย์ สถานที่ที่ได้ซุกซ่อนพรสวรรค์และความพยายามไว้ในสองมือเล็ก ๆ ของเหล่านักเรียนตัวน้อย
ด้วยเข้าใจว่าผลงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของนักเรียนนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีผลต่อจิตใจนักเรียน ตลอดเวลาที่ผ่านมาทางโรงเรียนจึงจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างโอกาสให้นักเรียนผู้มีความรักและชื่นชอบในงานศิลปะได้ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาความสามารถอยู่เสมอ
แม้จะตระหนักดีว่าผลงานแต่ละชิ้นที่เป็นผลผลิตของผู้เรียนนั้น ควรได้รับการเผยแพร่ ส่งเสริม และสนับสนุนเพื่อเพิ่มพูนมูลค่า แต่ในการจัดนิทรรศการที่ผ่านมา การแสดงผลงานของนักเรียนกลับขาดความสมบูรณ์ เนื่องจากโรงเรียนขาดงบประมาณ
ด้วยเจตนารมณ์ที่จะบ่มเพาะต้นกล้าทางศิลปะให้กลายเป็นไม้ใหญ่ที่จะแผ่กิ่งก้านให้ความร่มเย็นและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมต่อไป ทางโรงเรียนบ้านข่อยโดย สุดสาคร กัณหา ผู้รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านข่อย จึงขอรับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ประจำปีงบประมาณ 2564 ภายใต้โครงการ “สืบสานตำนานชีวิตสองฝั่งลุ่มน้ำลำสะแทดด้วยศิลปะร่วมสมัย” ซึ่งเงินทุนจากโครงการได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเปิดโลกการทำงานศิลปะให้แก่นักเรียน ช่วยให้นักเรียนมีวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างงานศิลปะอย่างหลากหลายและเพียงพอต่อการสร้างสรรค์ผลงาน
ในระหว่างจัดทำโครงการได้มีการประชุมปรึกษาหารือกับคณะครู ตลอดจนคณะกรรมการสถานศึกษา และประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จากนั้นจึงประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ โดยผู้รับผิดชอบโครงการได้จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นปัจจัยหลักในการสร้างงานศิลปะ และร่วมกับนักเรียนเพื่อกำหนดเนื้อหาที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตของชาวชนบทมาเป็นสื่อในการถ่ายทอดผลงานศิลปะมีการคัดเลือกผลงานของนักเรียนที่สมบูรณ์ตามหลักองค์ประกอบศิลป์ มีเนื้อหาที่สื่อถึงศิลปวัฒนธรรมของชุมชนได้ตามเป้าหมาย จำนวน 60 ผลงาน จากนั้นจึงนำผลงานแต่ละชิ้นไปใส่กรอบรูปเพื่อความสมบูรณ์ ช่วยเพิ่มมูลค่าผลงาน และจัดแสดงผลงานในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 มีการจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ และสูจิบัตรเพื่อเผยแพร่ผลงานนักเรียน
นิทรรศการครั้งนี้นับเป็นการจัดงานศิลปกรรมนักเรียนที่สมบูรณ์ที่สุดของโรงเรียนบ้านข่อย ทั้งด้านของตัวงานและประสบการณ์ทางศิลปะของนักเรียนที่นำวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชุมชนมาบอกเล่าผ่านงานศิลปะร่วมสมัย
ความงามของลายเส้นและการลงสีโดยฝีมือนักเรียนในโรงเรียนเล็ก ๆ ที่มีนักเรียนเพียงหลักสิบ สะท้อนให้เราเห็นว่าพรสวรรค์และความพยายามได้ซ่อนตัวอยู่ในทุก ๆ ที่ และพร้อมจะเปล่งประกายเสมอหากได้รับโอกาส นับเป็นแบบอย่างและแรงผลักดันให้สถานศึกษาหรือองค์กรอื่น ๆ เพิ่มความสำคัญ และเห็นคุณค่าต่อการสนับสนุนงานศิลปะ ซึ่งสร้างคุณค่าทางจิตใจให้แก่ผู้สร้างและผู้ชมได้อย่างมากล้นเกินประเมินค่า